การสื่อสารเป็นปัจจัยหนึ่งที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์ในสังคมเพราะนอกเหนือจากความต้องการปัจจัยพื้นฐานในทุกด้านแล้ว มนุษย์ยังต้องการสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องและต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่ตลอดเวลาและ การพูด ถือได้ว่าเป็นพฤติกรรมหนึ่งของการสื่อสารที่มีความสำคัญยิ่งในสังคมมนุษย์ ความสามารถในการพูดเป็นสิ่งจำเป็นและมีคุณค่าเป็นอย่างยิ่งสำหรับบุคคลทุกอาชีพ การมีความรู้ความสามารถในการพูด เป็นคุณสมบัติของผู้นำและนักบริหาร ยิ่งสังคมปัจจุบันมีการแข่งขันในการเป็นผู้นำและการประกอบอาชีพ ก็ยิ่งต้องใช้การพูดอย่างชำนาญ รู้หลักและวิธีการที่ถูกต้อง สามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด สร้างความสัมพันธ์อันดี มีทัศนคติที่ดี มีการโน้มน้าว จูงใจ ให้ผู้อื่นคล้อยตาม
ปัจจุบันเรื่องของการพูดในประเทศไทยได้รับความสนใจอย่างแพร่หลาย คนไทยมีการ ตื่นตัวในเรื่องนี้มากจนกลายเป็นสิ่งแวดล้อมหนึ่งในชีวิต โดยเฉพาะบุคคลระดับบริหาร หัวหน้า หรือผู้นำ และผู้มีความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเอง ได้ฝึกฝนการพูดตามชมรมสมาคม ศูนย์และสถาบันการฝึกพูดเป็นจำนวนมาก การพูดจึงถือว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ดังมีผู้กล่าวไว้ว่า การพูดเป็นการสื่อสารเพื่อให้เกิดความเข้าใจกันระหว่างผู้พูดและผู้ฟังโดยใช้ภาษาและเสียงเป็นสื่อในการติดต่อกับบุคคลอื่นๆ ในการดำเนินชีวิตประจำวัน การสื่อสารโดยใช้คำพูดเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง เพราะการพูดที่มีหลักเกณฑ์เท่านั้น ที่จะทำให้ผู้พูดสามารถดำเนินชีวิตในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การที่จะพูดให้ได้ดี พูดให้เป็น หรือพูดให้เกิดประโยชน์ ผู้พูดจะต้องคำนึงถึงเนื้อหา วัตถุประสงค์ของการพูด และการบรรลุผลของการพูดเป็นสำคัญ ดังนั้นการพูดที่ดี ผู้พูดจึงควรคิดและไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจพูดสิ่งใดๆ ออกไป (นิพนธ์ ทิพย์ศรีนิมิต. 2542 : 25)
ดังนั้น จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่า การพูดคือกระบวนการสื่อสารความคิดจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่ง โดยมีภาษาน้ำเสียงและอากัปกิริยาเป็นสื่อการพูดคือการแสดงออกถึงอารมณ์และความรู้สึกโดยใช้ภาษาและเสียงสื่อความหมายการพูด เป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีอานุภาพมากที่สุดในโลกการพูด เป็นสัญลักษณ์แห่งความเข้าใจระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ให้ประสบความสำเร็จตามจุดมุ่งหมาย
ความหมายของการพูด
เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในปัจจุบันว่า คามสามารถในการพูดเป็นสิ่งจำเป็นและมีคุณค่าเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกอาชีพ มนุษย์จะต้องอาศัยการพูดเป็นเครื่องมือสื่อสารเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกันและกัน “การพูด” มีผู้ให้ความหมายของคำนี้ไว้หลายทัศนะดังนี้
กองเทพ เคลือบพณิชกุล (2542 : 43) ได้เขียนความหมายของการพูดไว้ว่า “การพูด คือ การที่มนุษย์เปล่งเสียงเป็นถ้อยคำภาษาออกมา เพื่อแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึกหรือความต้องการของผู้พูดไปให้ผู้ฟังได้ยินและเข้าใจ โดยอาศัยภาษา น้ำเสียงและอากัปกิริยา ท่าทางเป็นสื่อและมีความตอบสนองจากผู้ฟัง”
จินดา งามสุทธิ (2531 : 1) อธิบายถึงความหมายของการพูดว่า “การพูด คือ การเปล่งเสียงออกมาเป็นคำพูด เพื่อติดต่อสื่อสารให้เข้าใจกันระหว่างผู้พูดและผู้ฟัง หรือการพูด คือ การสื่อความหมายแบบหนึ่งที่เรียกว่า Oral Communication มิได้หมายความว่าเป็นการสื่อความหมายโดยใช้ปากเท่านั้น แต่เป็นการสื่อความหมาย โดยการใช้ภาษาเสียง กิริยาท่าทางต่างๆ เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกของผู้พูดให้แก่ผู้ฟังให้ได้ผลตามความมุ่งหมายของผู้พูด”
ฉัตรวรุณ ตันนะรัตน์ (2519 : 21) ได้กล่าวไว้ว่า “การพูด หมายถึง พฤติกรรมการสื่อความหมายของมนุษย์โดยอาศัยภาษา ถ้อยคำน้ำเสียง ตลอดจนกิริยาท่าทาง สีหน้า และสายตา เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก ความรู้ ความคิดของตนแก่ผู้ฟัง ให้เกิดผลตอบสนองที่ต้องการ”
นิพนธ์ ทิพย์ศรีนิมิต (2544 : 29)ให้ความหมายของการพูดดังนี้ “การพูด คือ กระบวนการถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก และประสบการณ์ของผู้พูดไปสู่ผู้ฟัง โดยอาศัยถ้อยคำ น้ำเสียง และอากัปกิริยาในการสื่อความหมาย”
ลักษณา สตะเวทิน (2540 : 13) อธิบายความหมายของการพูดว่า “การพูด เป็นการสื่อสารระหว่างมนุษย์ เพื่อถ่ายทอด ความคิด ความรู้สึก และอารมณ์โดยใช้ภาษา น้ำเสียงและการแสดงออกเป็นสื่อ”
จากคำนิยามดังกล่าวข้างต้น อาจสรุปความหมายของการพูด ได้ว่า การพูด คือ การใช้ถ้อยคำน้ำเสียงที่เป็นภาษาและการทำกริยาท่าทางประกอบอย่างมีศาสตร์และศิลป์เพื่อเป็นสื่อในการถ่ายทอดความรู้ ความคิดเห็น ความรู้สึก และความต้องการไปยังผู้ฟัง ให้เกิดผลตอบสนองที่ต้องการ
ความสำคัญของการพูด
การพูดมีความสำคัญยิ่งต่อมนุษย์ เพราะมนุษย์ใช้การพูดเป็นแกนกลางในการทำความเข้าใจ เพื่ออธิบาย โน้มน้าวจูงใจ หรือเพื่อทำความเข้าใจกับบุคคลอื่นๆการพูด เป็นเรื่องของการใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการสื่อความหมาย ที่กล่าวว่า “เป็นศาสตร์” ก็เพราะเป็นวิชาที่หลักเกณฑ์ มีทฤษฎีให้เรียนรู้และถ่ายทอดกันได้ ส่วนที่กล่าวว่า “เป็นศิลป์” ก็เพราะการพูดต้องนำศาสตร์หรือทฤษฎีไปปฏิบัติให้เกิดความไพเราะสวยงามเป็นที่ประทับใจผู้ฟัง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเชื่อถือเกิดศรัทธาและปฏิบัติตาม เนื่องจากการพูดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ผู้ที่รู้จักใช้ศิลปะในการพูดจึงมักจะมีโอกาสสร้างความสำเร็จและความกาวหน้าให้กับตนเองไดอย่างมาก ตรงกันข้ามกับคนที่พูดไม่เป็นหรือพูดไม่ดี นอกจากคำพูดนั้นจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานแล้วยังอาจเป็นการสร้างศัตรูให้กับผู้พูดเองด้วย ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้กล่าวถึงความสำคัญของการพูดเอาไว้เพื่อเป็นสติเตือนใจให้ระลึกอยู่เสมอว่า การพูดนั้น ไม่ใช่ ดีแต่พูด พูดเก่งหรือพูดได้ แต่ควรจะ พูดดี พูดเป็น และพูดให้เกิดประโยชน์ (นิพนธ์ ทิพย์ศรีนิมิต. 2544 : 29)
อิทธิพลของคำพูดสามารถทำให้ผู้พูดประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ มาแล้วจำนวนมากโดยเฉพาะอาชีพด้านการพูด เช่น ครูอาจารย์ พระสงฆ์ นักการเมือง นักประชาสัมพันธ์ ฯลฯ
การพูดดีย่อมถือว่าเป็นคุณสมบัติเด่นที่จะสร้างศรัทธา ความเลื่อมใสให้เกิดแก่ผู้ฟัง ในทางพระพุทธศาสนายกย่องการพูดดีว่า วจีสุจริต หรือ มธุรสวาจา เพราะเป็นการพูดในทางสร้างสรรค์ เป็นการพูดของคนฉลาด สามารถให้เกิดประโยชน์แก่ผู้พูดและผู้ฟัง ดังสุนทรภู่จินตกวีเอกของไทยได้ประพันธ์กล่าวถึงความสำคัญของการพูดไว้ในนิราศภูเขาทองว่า
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา
ในสุภาษิตสอนหญิงของ ท่านสุนทรภู่ก็ได้ประพันธ์เน้นความสำคัญของการพูดเอาไว้ตอนหนึ่งว่าจะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น
อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู
ไม่ควรพูดอื้ออึงขึ้นมึงกู
คนจะหลู่ลวนลามไม่ขามใจ
การพูดแสดงให้เห็นชัดเจนว่าการพูดมีความสำคัญในชีวิตประจำวันเป็นอย่างยิ่ง ในการดำรงและดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่า ผู้มีความสามารถในการพูดดีย่อมมีความสำเร็จในชีวิตเป็นอย่างดี การพูดจึงมีความสำคัญนานับปการ การพูดเป็นเครื่องมือในการเข้าสมาคมที่สำคัญของมนุษย์ มนุษย์ใช้การพูดเป็นเครื่องมือติดต่อสื่อความหมายซึ่งกันและกัน ทำให้มนุษย์สามารถดำรงเป็นชุมชนน้อยใหญ่ ตลอดจนเป็นประเทศอยู่ได้ เพราะคนในสังคมนั้นใช้การพูดสำหรับแลกเปลี่ยนความรู้ความรู้สึกความคิดเห็นและความต้องการ ระหว่างคนกับคนโดยใช้คำพูดซึ่งต้องใช้ประกอบกับกิริยาท่าทาง สีหน้า ดวงตา และการเคลื่อนไหวของร่างกาย นอกจากนี้การพูดยังเป็นกระบวนการต่อเนื่องคือมีผู้ส่งสาร มีผู้รับสาร แล้วต้องมีการพูดเป็นเครื่องมือในการสื่อสารถ้าขาดส่วนใดส่วนหนึ่งการสื่อสารก็ไม่เกิดขึ้น
นิมิต ทิพย์ศรีนิมิต (2544:32-34) กล่าวถึง ความสำคัญของการพูดทั้งที่เกิดขึ้นโดยตรงต่อตัวผู้พูด ต่อผู้ฟังและผู้เกี่ยวข้อง ต่อการประกอบอาชีพ ต่อสังคม และต่อประเทศชาติไว้ดังนี้
1. การพูดมีความสำคัญต่อตนเอง
เพราะมนุษย์จำเป็นต้องมีการคบหาสมาคมซึ่งกันและกันต้องมีการเรียนรู้ในสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศาสนา การเมืองประเพณีวัฒนธรรม หรือแม้แต่วิถีแห่งการดำเนินชีวิต การเรียนรู้ดังกล่าวต้องใช้ภาษาพูดในการติดต่อเพื่อสื่อความหมายให้เข้าใจซึ่งกันและกัน อันจะส่งผลให้บุคคลเกิดการเรียนรู้ เกิดการพัฒนารวมทั้งสามารถนำประสบการณ์ต่างๆไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิต ดังตัวอย่างบุคคลที่ประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานหรือรัฐบุรุษคนสำคัญๆของโลก เช่น อับราฮัม ลินคอร์น จอร์น เอฟ เคนเนดี้ หรือ ม.ร.ม.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นต้น บุคคลเหล่านี้ระสบความสำเร็จได้ก็เพราะโด่งดังมาจาก กาพูด ดังคำกล่าวของ สุขุม นวลสกุล ที่ว่า “การพูดดีหรือพูเก่งนั้นเป็นสมบัติอย่างหนึ่งที่ทำให้คนประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน”
2. การพูดมีความสำคัญต่อผู้ฟังหรือผู้เกี่ยวข้อง
การได้รับรู้หรือได้รับฟังข้อมูลที่ดีและมีประโยชน์ นอกจากจะทำให้ผู้ฟังหรืผู้เกี่ยวข้องมีความรู้ เกิดความคิดและเกิดความสบายใจแล้ว ยังอาจนำความรู้ความคิดดังกล่าวไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวมได้ด้วย ในทางกลับกันถ้าได้รับรู้รับฟังข้อมูลที่ผิดพลาด อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือนำไปปฏิบัติในทางที่ผิด ซึ่งเท่ากับเป็นการให้โทษแก่ผู้ฟังและผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ดังนั้น ก่อนจะพูดสิ่งใดควรตรึกตรองให้รอบคอบเสียก่อน ดังคำของ
เดล คาร์เนกี “อย่าพูดจนกว่าท่านจะมั่นใจว่าท่านมีบางอย่างที่จะพูด และรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร”
3. การพูดมีความสำคัญต่อการประกอบาชีพ
เพราะการพูดเป็นเครื่องมือสื่อสำหรับประกอบอาชีพต่างๆไม่ว่าจะเป็น แพทย์ พยาบาล นักธุรกิจ นักบริหาร วิศวกร หรือนักการเมือง โดยเฉพาะอาชีพครูซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพูดโดยตรง ทั้งนี้เพราะอาชีพครูต้องใช้ภาษาพูดเพื่อถ่ายทอดความรู้ความคิดให้แก่ผู้เรียน เพื่ออบรมบ่มนิสัยให้เป็นคนดี เพื่อสามารถให้ติดต่อสัมพันธ์กับบุคคลอื่นหรือกับสังคมภายนอก การได้เรียนรู้ได้ฝึกฝนเกี่ยวกับกาพูดอยู่เสมอ จะทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจในหลักเกณฑ์ของการพูดมากขึ้น โอกาสที่จะสร้างความสำเร็จในการประกอบอาชีพก็จะมีมากขึ้น ดังคำกล่าวของ วิจิตร อาวกุล ที่ว่า “การพูดมิใช่แต่เพียงพูดได้หรือพูดเป็น แต่ต้องพูดให้ได้ดี ถึงระดับ จึงจะใช้ประกอบอาชีพได้”
4. การพูดมีความสำคัญต่อสังคม
สังคมจะอยู่ได้ก็เพราะสมาชิกของสังคมมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ความเข้าใจดังกล่าว ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้ภาษาในการติดต่อสื่อสาร เพื่อการดำเนินชีวิต ประกอบอาชีพ อบรมสั่งสองปลูกฝั่งประเพณีวัฒนธรรม รวมทั้งแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อกันหากสมาชิกพูดกันไม่เข้าใจ จะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งและทำให้สังคมนั้นๆเกิดปัญหาตามมา การอยู่ในสังคมที่มีความหลากหลาย จึงต้องระมัดระวังโดยเฉพาะเรื่องของการพูด ดังคำกล่าวของ เปลื้อง ณ นคร ที่ว่า “บางพูดดี แต่ไม่น่าฟัง บางคนพูดน่าฟัง แต่ไม่ดี บางคนพูดดีด้วยแล้วน่าฟังด้วย”
5. การพูดมีความสำคัญต่อประเทศชาติ
ในการบริหารประเทศ การแถลงนโยบายของรัฐบาลก็ดี การอภิปรายในรัฐสภา
หรือการให้คำมั่นสัญญาของรัฐมนตรีก็ดี คำเหล่านี้ล้วนแต่ท้าทาย เพื่อการพิสูจน์ให้เห็นจริงว่าผู้พูดมีความสามารถจริงหรือไม่ และคำพูดนั้นๆมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องการพิสูจน์และรอคอยคำตอบ ดังนั้นการพูดในระดับประเทศ ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้คนในภาพรวมผู้พูดจึงระมัดระวังและต้องมีจุดประสงค์ที่แน่นอนอย่างเช่นคำพูดของประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคเนดี้ ที่ว่า “อย่าถามว่ารัฐให้อะไรกับท่านบ้าง แต่จงถามว่าท่านได้ให้อะไรแก่รัฐบ้าง” เป็นการพูดที่มุงหมายให้ประชาชนรู้จักเสียสละเพื่อประเทศชาติ หรือการพูดที่ต้องการให้เห็นความสำคัญของชาวนา ซึ่ง ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้กล่าวว่า “ทุกข์ของชาวนาคือทุกข์ของแผ่นดิน” เป็นต้น นอกจากชนในชาติจะมีความเข้าใจกันและอยู่รวมกันอย่างสงบเรียบร้อยแล้ว เรายังต้องติดต่อกับต่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ในด้านต่างๆหรือเพื่อความร่วมมือต่อกันอีกด้วย การเจรจาที่ก่อให้เกิดความเข้าอกเข้าใจต่อกันย่อมก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในสิ่งที่มุ่งหวัง แต่ถ้าการเจรจาไม่เป็นที่ตกลงก็จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง เกิดการเอารัดเอาเปรียบ หรือมีการแทรกแซงเพื่อบ่อนทำลาย ประเทศชาติก็จะตกอยู่ในภาวะอันตรายหรือกลายเป็นสงครามในที่สุด
องค์ประกอบของการพูด
การพูดเป็นกระบวนการสื่อสารที่นับว่าสำคัญที่สุด เพราะทำให้ผู้พูดกับผู้ฟังเกิดความเข้าใจตรงกัน ฉัตรสุวรรณ ตันนะรัตน์(2529:6) กล่าวถึงองค์ประกอบสำคัญของการพูดว่ามีสวนประกอบดังนี้
1. ผู้พูด (Speaker) คือบุคคลที่จะทำให้การพูดประสบความสำเร็จ ผู้พูดที่ดีนอกจาก
จะมีบุคลิกภาพที่เหมาะสมแล้ว ต้องมีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิดไปยังผู้ฟังได้ตรงตามเป้าหมาย รู้จักใช้ภาษา น้ำเสียง และอากัปกิริยาต่างๆเหมาะสมกลมกลืนกับเนื้อหาที่พูดมีความรู้ในหัวข้อที่จะพูด รวมทั้งรู้จักสังเกตและสามารถเข้าใจถึงปฏิกิริยาของผู้ฟังได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากคุณสมบัติดังกล่าวแล้วการเป็นผู้พูดที่ดียังต้องคำนึงถึงคุณสมบัติขั้นพ้นฐานในการเสริมบุคลิกภาพของการพูดด้วย นั่นคือ ต้องมีความจริงใจ มีความเป็นมิตร และมีความเชื่อมั่นในตนเอง
2. ผู้ฟัง (Audience) คือผู้รับสารอาจหมายถึงบุคคลเพียงคนเดียวหรือหลายคนก็ได้
ผู้ฟังที่ดีจะต้องรู้ว่าผู้พูดพูดถึงเรื่องอะไร สิ่งที่พูดหมายความว่าอย่างไร มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด รวมทั้งสามารถวิเคราะห์ได้ว่าการพูดครั้งนั้นๆมีความสมบูรณ์หรือไม่เพียงใด เช่น มีเรื่องใดบ้างที่ผู้พูดมองข้ามไปหรือไม่ได้พูดถึง เป็นต้น การเป็นผู้ฟังที่ดีอาจยึดหลักปฏิบัติง่ายๆดังนี้คือทำตัวให้สบาย ฟังเขาสาธยายให้ตลอด อย่าอิดออดต้องอดทน ไม่เชื่อคนเพราะอคติ และเนื่องจากผู้ฟังมีความแตกต่างกันในเรื่องของเพศ วัย การศึกษา อาชีพ และอื่นๆอีกมากมาย ดังนั้น การพูดที่ดี ผู้พูดจะต้องวิเคราะห์ผู้ฟังเสียก่อน ก่อนที่จะถึงเวลาพูด
3. เนื้อหาสาระ (Message) หมายถึง สารที่ผู้พูดส่งไปยังผู้ฟังโดยผ่านทางประสาท
สัมผัส เนื่องจากการพูดจะบรรลุจุดประสงค์หรือไม่นั้น จะตองขึ้นอยู่กับเนื้อหาของสารและการทำความเข้าใจของผู้ฟังเป็นสำคัญ ดังนั้นการเสนอเนื้อหาในการพูด ผู้พูดจะต้องคำนึงด้วยว่าเนื้อหาที่พูดนั้นมีความยากง่ายเพียงใด การพูดเนื้อหาที่ซับซ้อนเกินไป อาจทำให้ผู้ฟังไม่สามารถแปลความคิดของผู้พูดได้ในทางตรงกันข้ามผู้ฟังจะรู้สึกเบื่อหน่าย ถ้าผู้พูดเนื้อหาพื้นๆหรือพูดเรื่องซ้ำๆที่เคยได้ยินอยู่เสมอๆการเสนอเนื้อหาสาระจึงควรพิจารณาเนื้อหาที่ทั้งผู้พูดและผู้ฟังสนใจและได้ประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรเป็นเรื่องที่ผู้พูดถนัดและมีความรอบรู้อย่างดีมีข้อมูล และข้อเท็จจริงที่สามารถนำมาอ้างหรือมาเสริมให้เกิดความเชื่อถือมากขึ้น
4. เครื่องมือในการสื่อความหมาย (Communication ) หมายถึงสื่อหรือสิ่งที่ช่วยถ่าย
ทอดความรู้ความรู้ความคิดของผู้พูดไปยังผู้ฟัง การถ่ายทอดความคิดออกมาในรูปแบบของการพูดนั้น ผู้พูดจะต้องรู้จักใช้ภาษาที่เข้าใจได้ง่ายๆ ชัดเจนตรงกับความหมายและตรงกับเรื่องที่ต้องการจะพูด หากใช้ภาษายากหรือใช้คำพูดที่วกวนจะทำให้สารที่ส่งไปไม่บรรลุวัตถุประสงค์และไม่เกิดประโยชน์ทั้งแก่ผู้พูดและผู้ฟัง
เมื่อพิจารณาถึงองค์ประกอบการพูดทั้ง 4 ประการแล้ว จะเห็นได้ว่า การพูดจะได้ผลสมความมุ่งหมายมากน้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ขององค์ประกอบดังกล่าวกล่าวคือ ถ้าผู้พูดพูดดี เนื้อหาสาระน่าสนใจเหมาะกับบรรยากาศและสภาพแวดล้อมผู้ฟังตั้งใจและให้ความร่วมมือดี การพูดก็จะประสบผลตามความมุ่งหมาย แต่ถ้าองค์ประกอบประการใดประการหนึ่งบกพร่องก็จะกลายเป็นอุปสรรค และทำให้การพูดนั้นล้มเหลวได้
วัตถุประสงค์ของการพูด
การพูดจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ยอมขึ้นอยู่กับการตั้งจุดประสงค์การพูดไว้ให้ชัดเจนว่า การพูดมีหลายประการ
ฉัตรสุวรรณ ตันนะรัตน์(2519:5-6) กล่าวถึงจุดประสงค์ของการพูดโดยสรุปว่ามี 5 ประการ ดังนี้
1. เพื่อส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย
2. เพื่อส่งเสริมบุคลิกภาพที่ดี
3. เพื่อนำหลักเกณฑ์และกลวิธีการพูดไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ในการนำเสนอเรื่อง
ต่างๆด้วยรูปแบบต่างๆ
4. เพื่อฝึกวิจารณญาณที่ดี
5. เพื่อฝึกหลักการเรียนรู้หลักการพูดที่ดี
สุรีย์มาศ บุญฤทธิ์รุ่งโรจน์(2538:12) กล่าวถึงความมุ่งหมายของการพูดไว้ 4 ประการ ดังนี้
1. การพูดเพื่อให้ความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ผู้พูดต้องการให้ข้อมูลที่เป็นความจริง มีเหตูผล อ้างอิง และพิสูจน์ได้ ต้องมีรายละเอียดพอควร อาจจะมีความคิดเห็นของผู้พูดแทรกลงไปด้วย
2. การพูดเพื่อจูงใจ เป็นการพูดที่ต้องการให้ผู้ฟังเห็นคล้อยตาม เชื่อถือ อาจถึงขั้นเปลี่ยนแปลงความคิด หรือการโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ
3. การพูดเพื่อให้ความบันเทิง เป็นการพูดเพื่อสร้างความสนุกสนาน บันเทิงอารมณ์ ผู้พูดจะต้องมีความเข้าใจในเรื่องที่พูดเป็นอย่างดีและมีศิลปะในการพูดอย่างสูง มีความเป็นกันเองกับผู้ฟัง ไม่พูดเรื่องเคร่งเครียดหรือน่าหวาดเสียวมีการใช้โวหารและสำนวนคำคมสร้างความบันเทิงใจแก่ผู้ฟังด้วย
4. การพูดเพื่อแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องราวใดเรื่องราวหนึ่งที่ผู้พูดต้องการให้ผู้ฟังสนใจและมีความคิดเห็นคล้อยตามเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้พูดต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ผู้พูดต้องมีกลวิธีการนำเสนอที่ดี จึงจะสามารถสร้างความเข้าใจและชักจูงใจจากผู้ฟังได้เป็นอย่างดี
ความมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ในการพูดนั้นมีหลายประการนับตั้งแต่การส่งเสริมให้ผู้พูดมีความเป็นประชาธิปไตย มีความรู้ มีความคิดสร้างสรรค์ มีวิจารณญาณที่ดี มีหลักการพูดและกลวิธีการพูดที่ดี ลักษณะของความมุ่งหมายมีทั้งเพื่อให้ความรู้เพื่อจูงใจ แสดงความคิดเห็น พูดวิจารณ์แสดงความคิดเห็นและพูดจูงใจ ความมุ่งหมายของการพูดเป็นไปเพื่อสร้างประสิทธิภาพที่ดีในการนำเสนอเรื่องราวด้วยการพูด
ขอบคุณที่ให้ความไว้วางใจในการให้บริการออนไลน์สำหรับการช่วยเหลือเงินกู้ 200,000 ยูโรเพื่อเริ่มต้นครอบครัวของฉันภายใน 24 ชั่วโมงหากคุณสนใจที่จะกู้เงินด่วนในอัตราต่ำติดต่อ Trustloan Online Services ที่: {trustloan88 @ g m a l l. c o m}
ตอบลบ